วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทำไมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซักที part I





คำถามโลกแตกเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษคงหนีไม่พ้นคำถามเหล่านี้

เรียนมาตั้งนาน ทำไมไม่เก่งภาษาอังกฤษซักที?
ทำยังไงจะเก่งภาษาอังกฤษ?

เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี?


จะเห็นว่าในชีวิตประจำวันของเราเจอคำถามอะไรทำนองนี้บ่อยมาก บาคนก็ค้นหาคำตอบจนพบ บรรลุธรรมไปได้ แต่คนอีกจำนวนมากก็ยังมึนงงสงสัย ว่าจะทำยังไงกับภาษาอังกฤษของตัวเองดี

จะบอกว่าสาเหตุที่คนไทยไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสาเหตุมากๆๆๆๆๆ จากประสบการณ์ส่วนตัว สามารถสรุปออกมาได้เป็นข้อๆ ดังนี้ (เพื่อนๆที่ผ่านมาอ่านสามารถเพิ่มเติมได้นะคะ)





1. เค้าบอกให้ไปดูหนังฟังเพลง แล้วจะเก่งขึ้น

ใช่ฟังเก่งขึ้น แต่เข้าใจรึเปล่านั่นอีกเรื่อง สมัยนี้เทคโนโลยีทำให้เราเข้าถึงสื่อต่างๆได้ง่าย บางคนอ่านในอินเตอร์เนตมีคนแนะนำให้ไปดูหนัง ฟังเพลง หวังว่าจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น แต่กลับกลายเป็นเลวร้ายกว่าเดิม เพราะอะไร เพราะถ้าคุณอ่อนมากๆ ดูหนังไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ฟังเพลงก็ไม่เข้าใจ ยิ่งพยายามก็ยิ่งท้อแท้ เพราะยิ่งฟังยิ่งดู ยิ่งรู้สึกว่ามันยาก


ถ้าภาษาอังกฤษของคุณพอจะกระดิกบ้างแล้ว คุยรู้เรื่องแล้ว แล้วไปดูหนังฟังเพลง โอ้ว....อันนี้ต่อยอดได้มากโขเลยล่ะ แต่ถ้าไม่กระดิกเลย รู้คำศัพท์แค่หางอึ่ง มันจะเหมือนพาตัวเองเข้าไปโดดเดี่ยวอยู่ในโลกที่ตัวเองไม่รู้จัก และไปไหนไม่รอด คุณควรที่จะมีคลังคำศัพท์ในหัวพอสมควรจึงเริ่มต่อยอดกับการดูหนังฟังเพลง แล้วมันจะมีประสิทธิภาพมากๆ ถึงมากที่สุด


2. คำศัพท์ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด สุภาษิตว่าไว้ เอ๊ย... ไม่ช่ายยย 555

หลายคนที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือผู้ใหญ่วัยทำงานต่างประสบปัญหานี้กันเยอะ สมัยเด็กๆเราก็เป็นนะ ตอนเรียนมัธยมมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนท่อง dictionary แบบเอาเป็นเอาตาย กำหนดท่องวันละ 10-20 คำ เวลาทำข้อสอบ reading นี่ได้คะแนนอย่างเยอะเพราะรู้ศัพท์มากกว่าคนอื่น ไอ้เราก็เหลือบไปเห็น dict ส. เศรษฐบุตร เล่มเก่าๆขาดๆของตัวเองแล้วอยากท่องบ้าง แต่ขี้เกียจ 5555 ทุกวันนี้บางครั้งก็แอบรู้สึกขอบคุณในความขี้เกียจของตัวเองในครั้งนั้น

มีลูกศิษย์คนนึง ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียนมาก่อน แต่ชอบและสนใจภาษา เลยไปซื้อ dict มานั่งท่อง จะบอกว่าท่องได้เกิน 1,000 คำ เชียวนะจ้ะ แต่อ่านนิทานภาษาอังกฤษเด็ก ป 1 ไม่ออก เพราะเมื่อมันรวมเป็นประโยคแล้วเค้าจะอ่านไม่เป็นเลย ได้แต่เป็นคำๆมา ยิ่งถ้าให้พูดหรือเขียนนี่ไม่ต้องเอ่ย ทำได้ก็แปลกแล้ว แต่ก็ยังนับถือในความพยายาม เค้าไม่ผิดหรอกที่ทำแบบนั้นเพราะด้วยความที่ไม่ได้เรียนในระบบโรงเรียนจึงไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนและควรทำอะไรบ้าง

หลายๆคนที่เรียนมาในระบบโรงเรียนปกติก็อาการไม่ค่อยต่างกัน รู้ศัพท์เยอะ ท่อง ท่อง ท่อง แล้วก็ท่อง เพราะคุณครูที่โรงเรียนสอนให้ท่อง และจำ หลายๆท่านที่เข้าข่ายนี้สมารถอ่านได้ดี แต่มักพูดและเขียนไม่คล่อง เหตุเพราะรับสารอย่างเดียว ขาดประสบการณ์และการฝึกฝนการโต้ตอบภาษาอังกฤษ บางคนอ่านหนังสืออ่านนอกเวลาของพวก Oxford, Cambridge ได้นะ แต่เวลาเจอฝรั่งนี่ใบ้กิน ตายตกตามกันไปนักต่อนัก เพราะอ่อนซ้อม

ดังนั้น ท่องศัพท์แล้วอย่าลืมหัดพูดด้วยล่ะ input แล้วก็ต้อง output ด้วยนะ

3. สุดยอดแกรมมาร์ แต่ตัวข้านั้นสื่อสารไม่ได้

เชื่อหรือไม่ บางคนสอบแกรมมาร์ได้เต็ม หรือเกือบเต็มตลอดแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แม้กระทั่งครูหรือติวเตอร์บางคนก็มีอาการเช่นนี้ (ย้ำว่า บางคน บางคน ไม่ได้เหมารวม) อันนี้เรื่องจริง หลายๆๆๆคนที่เรารู้จัก grammar เป๊ะเวอร์ แต่อย่าให้เจอฝรั่งนะ กุเผ่นคนแรก 5555

ไม่แปลกหรอก เพราะแกรมมาร์กับการพูดมันคนละทักษะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการสนทนาที่ดีก็ต้องมีแกรมมาร์เป็นส่วนประกอบ มันจึงจะสื่อสารกันได้อย่างสมบูรณ์

เห็นถกเถียงกันมาเยอะว่าแกรมมาร์จำเป็นมั้ยกับการเรียนภาษาอังกฤษ บางคนบอกไม่จำเป็น แค่พูดๆไปฝรั่งก็รู้เรื่องแล้ว จิงดิ? ไม่ได้กำลังปลอบใจตัวเองอยู่ใช่มะ?

บางคนบอกเห็นมั้ย คนที่ค้าขายตามเมืองท่องเที่ยวพูดถูกแกรมมาร์ที่ไหน เค้ายังสื่อสารกับฝรั่งรู้เรื่องเลย อืม... มันก็ใช่นะ แต่วันๆเค้าคุยเรื่องอะไรกันบ้างอะ นอกจากถามราคา เล่าสรรพคุณของที่ขาย ทักทายทั่วไป คำเดิมๆพูดทุกวัน บลาๆๆ  ว่าแต่ ทั้งชีวิตมีแค่นี้เหรอ? ภาษาอังกฤษเราจะพูดกันแค่นี้เหรอคะ?  มันมีมากกว่านั้นอีกเยอะแยะเลยนะ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันไม่ได้มีแค่การซื้อของ ถามทาง และถามสารทุกข์สุกดิบ

แล้วแน่ใจหรือว่าเค้าฟังรู้เรื่องจริงๆ หรือเค้าพยายามจะฟังให้รู้เรื่อง?  คนไทยน่าจะเข้าใจดีนะ ลองนึกถึงตัวเองเวลาคุยกับคนงานต่างด้าวในไทยสิ คุณต้องตั้งใจฟังเค้าพูดมากกว่าปกติใช่มั้ย? หลายๆครั้งคุณต้องพยายามประติดประต่อเรื่องที่เขาพูดใช่มั้ย? น่านแหละ เวลาเราพูดภาษาอังกฤษไม่ถูกแกรมมาร์ ฝรั่งเค้าก็จะเป็นเหมือนเรานี่แหละ คือพยายามจะเข้าใจ

แต่มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราสามารถพูดให้เค้าเข้าใจได้เลยแบบไม่ต้องประมวลผลหลายรอบ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องฝึกแกรมมาร์เยอะๆนะ แต่.. แต่.... ไม่ได้หมายความว่าจะให้เรียนแกรมมาร์เป็นบ้าเป็นหลังแบบที่สังคมไทยทำกันมาตลอดนะ

อ้าว... แล้วทำไง?

เห้อ... เรื่องนี้ถกกันยาว เดี๋ยวจะเขียนให้ในบทถัดๆไปนะ เอาเป็นว่าตอนนี้ขอสรุปก่อนว่า grammar นั้น สำคัญมว๊าาาากกกกกก จ้ะ

รออ่านต่อ Part II นะ ที่ต้องแยกเพราะมันเป็นปัญหาโลกแตก และสะสมมานาน ประเด็นมันเยอะ เลยยาวนิดส์นุง  อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เพื่อนๆร่วมแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่นะคะ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น